จุดที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนมาก ได้รู้อะไรมากขึ้น รู้สึกว่า นี่แหละชีวิต
คือตอนอายุ 19 และ 26
ที่ผ่านมาใช้วิตเรียบง่าย ง่ายมาก ไม่ชอบความเยอะ
แต่ที่เปลี่ยนแปลงมากสุดคือ ตอนอายุ 19 ได้มาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ได้ใช้ชีวิตในกรุงเทพอย่างที่ฝัน ตอนนั้นไม่รู้เรื่องเลย คิดว่า มหาลัยนี้เรียนในกรุงเทพแน่นอน แต่ความเป็นจริงแล้ว มหาลัยมีหลายวิทยาเขต และคณะที่เราเรียน อยุ่ที่เพชรบุรี ! แต่ว่า.. เฉพาะสาขาที่เราเรียน เป็นสาขาเปิดใหม่ และเป็นสาขาเดียวที่แยกออกมาเรียนที่กรุงเทพฯ เรื่องนี้มารู้ทีหลัง รู้สึกโชคดีจัง
ตอนนั้นถึงจะได้ไปเรียนตามที่หวัง แต่ก็เคว้งมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยจากบ้านไปไกล
พ่อแม่ขับรถจากสุรินทร์ไปส่ง พอย้ายของเสร็จก็กลับ ไม่ได้นอนค้างเลย เราอยู่หอกับเพื่อน 2 คน (อีกคนมาจากขอนแก่น บ้านนอกคือกัน ฮ่าๆ) ตอนนั้นแม่เพื่อนมานอนด้วย 1 อาทิตย์ ช่วงนั้นคิดถึงบ้านมากสุดๆ แต่ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ได้ไปที่ๆอยากไป เวลาเห็นในโทรทัศน์ว่าจัดงานที่ไหน เราก็สามารถไปได้ง่ายๆ ได้ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือข้ามฟาก เรือโดยสาร วินมอไซต์ แท็กซี่ แอร์พอร์ตลิ้ง ตุ๊กๆ อยู่บ้านไม่เคยขึ้น เพราะใช้รถตัวเอง
ได้รู้ว่าทอมใช้ชีวิตรักยังไง เพราะอยู่กลุ่มกับเพื่อนที่เป็นทอม 3 คน และเพื่อนสนิทอีกคนก็เป็นเกย์
ตอนนั้น ว้าว มาก ได้ความรู้ใหม่ๆเยอะ ฮ่าๆๆในกรุงเทพมีอะไรไปหมด วัดพระแก้ว เสาชิงชา สำเพ็ง พารากอน เซ็นทรัลเวิล จตุจักร สวนลุมพินี มาบุญครอง หอศิลป์ ฯลฯ ขาดแต่ ท้องฟ้าจำลองยังไม่เคยไป พลาดได้ไงเนี่ย ได้เจอดารา ได้เข้าสตูดิโอที่เขาอัดรายการทีวี ได้กินอาหารดีๆแปลกๆ
แย่ๆก็มี เช่น โดนล้วงกระเป๋า (7,000) แท็กซีโกง หลงทาง เดินตากฝนรอบสนามหลวงเพราะหารถเมล์ไม่เจอ ฯ,ฯ
ประทับใจมากๆคือรับน้องทั้งเหนื่อย ทั้งโหด ทั้งสนุก ได้ใกล้ชิดชีวิตมหาลัยสุดแล้ว เพราะสาขาที่เรียนเช่าตึกเอกชนเรียน ไม่มีสภาพแวดล้อมแบบมหาลัยเลย (ปัจจุบันยุบแล้ว ย้ายกลับไปเรียนเพชรบุรี)
แต่เปลี่ยนแปลงยังไง ยังไม่เท่ากับตอนอายุ 26
เกิดอะไรครั้งแรกหลายอย่าง แต่ที่กระทบและเปลี่ยนแปลงชีวิตมากที่สุดคือ เมาขับรถชนจนสลบ เจอรักแรกพบ และอกหักครั้งแรก(ด้วยเหตุผลที่ดราม่ามาก) จนป่านนี้อายุ 27 ก็ยังกระทบอยู่
วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560
กุญแจรถที่หายไป กับความคิดเยอะมากมาย
ในชีวิตนี้เจอเรื่องบังเอิญหลายครั้ง เอาเท่าที่จำได้นะ
วันนึงไปออกพื้นที่ต่างอำเภอ กว่าจะกลับสำนักงานก็เย็น
พอมาถึง สำนักงานปิดไฟเงียบ คนกลับบ้านหมดแล้ว เราก็เตรียมขี่มอไซต์กลับบ้าน แต่...
หากุญแจรถไม่เจอ คิดว่าคงจะลืมไว้บนโต๊ะพี่ๆอีกฝ่ายเมื่อเช้า (เพราะคุ้นๆว่านั่งคุยกับพี่แกก่อนออกพื้นที่)
ก็เลยจะโทรถาม แต่.. แบตโทรศัพท์หมด
ตอนนั้นคือโอ้ยยยย อะไรนักหนาวะ
ต้องไปหาเบอร์จากไหน ต้องไปหาตารางเวรในห้องบริหารเพื่อหาเบอร์โทรใช่ไหม แล้วถ้าโทรไปพี่เขาจะรู้หรือเปล่า เราอาจจะทำกุญแจหายที่อื่น บลาๆๆ เครียดมากตอนนั้น ความคิดตีกันวุ่นไปหมด บ้านก็อยู่ไกล (20โล) ตอนนั้นพี่คนขับรถกำลังจะขี่รถกลับบ้าน เราเลยไปบอกแก เผื่อช่วยอะไรได้ แต่ถึงแกจะไปส่ง เราก็รู้สึกไม่ดี เพราะยังหากุญแจไม่เจอ แล้วตอนเช้าจะมาทำงานยังไง ต้องไปบอกร้านขายรถเรื่องกุญแจ โอยยย เยอะ เป็นคนที่เกลียดความเยอะ ความยุ่งยาก
แต่ทุกสิ่งที่คิด เกิดขึ้นในเวลาไม่เกิน 2 นาที อยู่ดีๆ พี่คนนึงเดินเข้ามาในสำนักงานเงียบๆ (ไฟไม่ได้เปิด) เราที่กำลังเดินหากุญแจ เห็นพี่แกหางตาแว็บๆ เลยรีบเรียกแล้วถามพี่แกดู ว่าเห็นกุญแจรถป่าว
แกตอบว่า อ้าว ของเธอเหรอ นึกว่าลูกค้าลืมไว้ นู้นอยู่กล่องข้างหลัง
โอ้วววว ความคิดมากแตกกระจายหายไปชั่วพริบตา
จบ
วันนึงไปออกพื้นที่ต่างอำเภอ กว่าจะกลับสำนักงานก็เย็น
พอมาถึง สำนักงานปิดไฟเงียบ คนกลับบ้านหมดแล้ว เราก็เตรียมขี่มอไซต์กลับบ้าน แต่...
หากุญแจรถไม่เจอ คิดว่าคงจะลืมไว้บนโต๊ะพี่ๆอีกฝ่ายเมื่อเช้า (เพราะคุ้นๆว่านั่งคุยกับพี่แกก่อนออกพื้นที่)
ก็เลยจะโทรถาม แต่.. แบตโทรศัพท์หมด
ตอนนั้นคือโอ้ยยยย อะไรนักหนาวะ
ต้องไปหาเบอร์จากไหน ต้องไปหาตารางเวรในห้องบริหารเพื่อหาเบอร์โทรใช่ไหม แล้วถ้าโทรไปพี่เขาจะรู้หรือเปล่า เราอาจจะทำกุญแจหายที่อื่น บลาๆๆ เครียดมากตอนนั้น ความคิดตีกันวุ่นไปหมด บ้านก็อยู่ไกล (20โล) ตอนนั้นพี่คนขับรถกำลังจะขี่รถกลับบ้าน เราเลยไปบอกแก เผื่อช่วยอะไรได้ แต่ถึงแกจะไปส่ง เราก็รู้สึกไม่ดี เพราะยังหากุญแจไม่เจอ แล้วตอนเช้าจะมาทำงานยังไง ต้องไปบอกร้านขายรถเรื่องกุญแจ โอยยย เยอะ เป็นคนที่เกลียดความเยอะ ความยุ่งยาก
แต่ทุกสิ่งที่คิด เกิดขึ้นในเวลาไม่เกิน 2 นาที อยู่ดีๆ พี่คนนึงเดินเข้ามาในสำนักงานเงียบๆ (ไฟไม่ได้เปิด) เราที่กำลังเดินหากุญแจ เห็นพี่แกหางตาแว็บๆ เลยรีบเรียกแล้วถามพี่แกดู ว่าเห็นกุญแจรถป่าว
แกตอบว่า อ้าว ของเธอเหรอ นึกว่าลูกค้าลืมไว้ นู้นอยู่กล่องข้างหลัง
โอ้วววว ความคิดมากแตกกระจายหายไปชั่วพริบตา
จบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)